การเลี้ยงหนอนผีเสื้อ จากที่เคยลงมือทำมา และพอจะให้ความสำคัญหลักๆมีอยู่ สองเรื่อง ที่ผมเห็นว่ามันเป็นปัญหาเรื่อยมา คือ เรื่องของพืชอาหาร กับ ผลของฤดูกาลต่อการวางไข่ และยังมีลายละเอียดย่อยๆอีกจะค่อยๆกล่าวต่อไป
ฉนั้นเราจะเห็นได้ว่าเราจะเลี้ยงผีเสื้อชนิดใด ควรจะมีพืชอาหารให้มากเกินพอ ไม่เช่นนั้นเราจะเกิดปัญหาที่เราจะเลี้ยงผีเสือไม่ต่อเนื่อง เพราะจะต้องมีพ่อแม่พันธุ์มาวางไข่ได้ทุกวัน คือทุกๆวันจะต้อมมีไข่ให้เราเก็บ เพื่อที่จะนำไปฟักเป็นหนอน ถ้าเกิดอาหารเราไม่พอขาดแคลน จะทำให้เกิดช่วง ไม่ต่อเนื่องทันที และยังต้องทิ้งไข่หนอนไป เพราะไม่มีอาหารเลี้ยง ถ้าแก้ปัญหาไม่ทันอาจะต้องสูญเสียสายพันธุ์นั้นๆไปเลย ต้องสั่งซื้อมาในภายหลัง (อันนี้เคยเกิดกับผมแล้ว) คนที่จะทำงานนี้ได้ต้องมีความใส่ใจในทุกขั้นตอน ซึ่งผมไม่ค่อยมี ฮา ต้องคอยสังเกตครับ มันไม่มีอะไรที่ลงตัวทั้งหมดทุกอย่างปรับได้ อย่างพืชที่ไว้ล่อวางไข่ บางชนิดไม่ใช่พืชอาหารที่หนอนเล็กจะกินได้ แต่แม่ผีเสื้อกลับชอบวางไข่ที่ต้อนนี้ เป็นต้น เช่น ผีเสื้อ lacewing butterfly จะชอบวางไข่ที่ต้น ดอกเหลืองๆด่านล่าง มากกว่าที่ต้นกระทกรก
อันนี้แหละ ไม่รุ้จักชื่อ แต่เป็นไม่ประดับที่มีทั่วไป ที่บ้านเราก็มีพึ่งจะรู้ ต้นสูงประมาณ 1-1.5 เมตร ออกคล้ายๆไม่พุ่มนะครับ มีเนื้อไม้ จะเห็นว่าการสังเกตเป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงผีเสื้อ เป็นต้น
เริ่มแรกก็น่าจะดูเราก่อนว่าจะเลี้ยงขนาดไหน ถ้าเลี้ยงส่งออกอย่างเดียว หรือจะทำเป็นสวนผีเสื้อด้วยอย่างหลังความยุ่งยากมีมากกว่าแต่ก็ดีที่ จะมีรายได้มาตลอดถ้าคนรู้จักแล้วนะ ไม่ต้องพึ่งตลาดภายนอกอย่างเดียว แต่ถ้าทำควบคู่กันได้ก้จะดีมาก เรื่องการตลาดไม่ขอพูดครับไม่เก่ง ขึ้นกับความสามารถของแต่ละคนแล้วกัน ที่จะขอพูดก็เรื่องการเลี้ยง ในแต่ละสายพันธุ์แล้วกัน
ว่าด้วยเรื่องของโรงเลี้ยงก่อน ส่วนตัวผมว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดีผีเสื้อชอบ แต่ไม่ดีกับกระเป๋าเราสิ ฉนั้น ในกรณีที่เป็นสวนผีเสื้อ คนทั่วไปจะหวังให้เจอผีเสื้อบินมากมายตอนเข้าไป ถ้าโดมคุณมีขนาด1000 ตารางเมตร คุณน่าจะต้องมีผีเสื้อในสวน 4000 ถึงปลอดถัย มันไม่ได้บินพร้อมกันทุกตัวนะครับ แต่ผมแนะว่า ควรมีผีเสื้อที่อายุยืน(Archduke หรือ tree nymp) หรือตัวใหญ่ๆ(เช่น great mormon หรือ พวกHelenก็ดี)
ไว้ พวกนี้จะทำให้เราทำงานกันน้อยลง ไม่ต้องระวังการลดจำนวนมากนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น